ไทยพาณิชย์ จับมือ จูเลียส แบร์ ตั้งบริษัทร่วมทุนด้านการบริหารความมั่งคั่งครั้งแรกในเอเชีย เจาะกลุ่มลูกค้าผู้มีความมั่งคั่งระดับสูง เปิดโอกาสลงทุนทั่วโลก

กรุงเทพฯ/สิงคโปร์/ฮ่องกง/ซูริค 8 มีนาคม 2561 - ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารพาณิชย์ไทยแห่งแรกของประเทศ นำธุรกิจบริการความมั่งคั่ง (Wealth Management) ของไทยสู่บริการระดับโลก ประกาศจับมือ “จูเลียส แบร์” (Julius Baer) กลุ่มธุรกิจบริการไพรเวทแบงกิ้งชั้นนำจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เตรียมตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อนำความเชี่ยวชาญและประสบการณ์จากทั่วโลกด้านการให้คำปรึกษาเพื่อช่วยลูกค้าผู้ที่มีความมั่งคั่งระดับสูง (High Net Worth – HNWIs) ของธนาคารต่อยอดความมั่งคั่งแบบไร้พรมแดน ด้วยบริการที่ยังคงรักษาความอบอุ่นแบบไทยๆ อย่างเต็มที่

ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญก้าวแรกของไทยพาณิชย์หลังประกาศกลยุทธ์ “Going Upside Down” (กลับหัวตีลังกา) โดยต่อยอดความแข็งแกร่งด้านการบริหารความมั่งคั่งและการมีฐานลูกค้าผู้มีความมั่งคั่งระดับสูง (HNWIs) ของธนาคารด้วยการผสานความเชี่ยวชาญและบริการบริหารความมั่งคั่งระดับโลกอย่างครบวงจรของ จูเลียส แบร์ โดยความร่วมมือในครั้งนี้จะพลิกโฉมระบบนิเวศของธุรกิจการบริหารความมั่งคั่งของไทยที่มีมูลค่าประมาณ 9,500 ล้านบาท* ให้พร้อมรุกโอกาสการลงทุนแบบไร้พรมแดน นอกจากนี้ ยังตอกย้ำความเป็นผู้นำและเสริมความแข็งแกร่งของแบรนด์ไทยพาณิชย์ และเพิ่มความมั่นใจของลูกค้าผู้มีความมั่งคั่งระดับสูง (HNWIs) ในปัจจุบันและอนาคตของธนาคาร ได้ว่าจะได้รับบริการด้านการบริหารความมั่งคั่งแบบครบวงจรอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มจากสินทรัพย์ที่มีอยู่ผ่านการลงทุนทั้งในและต่างประเทศที่ยังมีโอกาสอีกมาก

กลุ่มลูกค้าผู้มีความมั่งคั่งระดับสูง (HNWIs) ของธนาคาร ซึ่งรวมถึงนักลงทุนต่างชาติที่ทำงานและพักอาศัยอยู่ในประเทศไทย สามารถเริ่มใช้บริการได้ทันทีเพื่อโอกาสในการสร้างผลตอบแทนในการลงทุนที่ดีขึ้นจากบริการที่ครบวงจรและการให้คำปรึกษาด้านการบริหารความมั่งคั่งของบริษัทร่วมทุนดังกล่าวที่จะก่อตั้งขึ้นด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 1,800 ล้านบาท

นายอาทิตย์ นันทวิทยา กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ความร่วมมือนี้นับเป็นก้าวแรกภายใต้กลยุทธ์ Going Upside Down (กลับหัวตีลังกา) ซึ่งเราจะสร้างแพลตฟอร์มบริการรูปแบบใหม่ และเป็นความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในระยะยาว โดยที่จูเลียส แบร์จะนำความเชี่ยวชาญ บริการ และความสามารถด้านการบริหารความมั่งคั่งระดับโลกมาเพิ่มคุณค่าให้แก่ลูกค้าผู้มีความมั่งคั่งระดับสูง (HNWIs) ในประเทศไทย ขณะเดียวกันธนาคารจะสามารถขยายการให้บริการด้านไพรเวทแบงกิ้งของเราในระดับนานาชาติได้อย่างเต็มที่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน”

“ในส่วนของลูกค้าผู้มีความมั่งคั่งระดับสูง (HNWIs) ก็จะมีโอกาสได้รับข้อมูลเชิงลึกจากจูเลียส แบร์ ไม่ว่าจะเป็นงานวิจัย บริการด้านการลงทุนต่างๆ ตลอดจนบริการให้คำปรึกษาด้านการวางแผนและการลงทุนจากทีมงานมืออาชีพระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญสูง ทำให้สามารถบริหารจัดการสินทรัพย์ที่มีอยู่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ สามารถลงทุนในต่างประเทศได้เต็มที่ตามที่กฎหมายอำนวยผ่านบริการต่างๆ เราเชื่อมั่นว่าบริการจากบริษัทร่วมทุนนี้จะเปิดมิติใหม่ในตลาดบริการบริหารความมั่งคั่งและไพรเวทแบงกิ้งของไทย รวมทั้งสร้างคุณค่าสูงสุดให้แก่ผู้มีความมั่งคั่งระดับสูง (HNWIs)” นายอาทิตย์กล่าวเสริม

ทั้งนี้กลุ่มผู้มีความมั่งคั่งระดับสูง (HNWIs) ในประเทศไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอัตราสูง โดยมีการเติบโตในอัตราร้อยละ 12.7 ในปี 2559 เพิ่มเป็นร้อยละ 13.3 ในปี 2560 **

จูเลียส แบร์ ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปีพ.ศ. 2433 ปัจจุบันเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ดำเนินธุรกิจบริการด้านการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการบริหารความมั่งคั่งใน 25 ประเทศทั่วโลก โดยเมื่อสิ้นปี 2560 สินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทมีมูลค่ารวม 388,000 ล้านสวิสฟรังก์ บริษัทให้บริการโดยให้คำปรึกษาที่จะสร้างประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้า โดยไม่จำกัดเฉพาะการพิจารณาการลงทุนในผลิตภัณฑ์ด้านการเงินการธนาคารที่บริษัทเป็นเจ้าของเท่านั้น

มร. เบอร์นฮาร์ด โฮดเลอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จูเลียส แบร์ กรุ๊ป กล่าวว่า “เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสร่วมงานกับธนาคารไทยพาณิชย์ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่มีชื่อเสียงมากและเป็นธนาคารพาณิชย์ไทยแห่งแรกของประเทศ ความร่วมมือในครั้งนี้ ตอกย้ำความมุ่งมั่นของจูเลียส แบร์ที่จะดำเนินธุรกิจในเอเชีย ซึ่งเราถือว่าเป็นบ้านแห่งที่สองของเรา”

“เราเล็งเห็นว่าตลาดผู้มีความมั่งคั่งระดับสูง (HNWIs) ในประเทศไทยมีความน่าสนใจมากขึ้น และลูกค้าเหล่านี้ต่างก็มองหาโอกาสในการลงทุนในต่างประเทศและขยายพอร์ตการลงทุนใหม่ๆ การผสานกำลังระหว่างผู้นำธนาคารพาณิชย์ของไทยและผู้เชี่ยวชาญจากสวิตเซอร์แลนด์ที่

ประสบความสำเร็จด้านการบริหารความมั่งคั่งมานานจะช่วยให้เราสามารถนำเสนอโซลูชั่นทางการเงินและการลงทุนให้แก่ลูกค้าผู้มีความมั่งคั่งระดับสูง (HNWIs) ในประเทศไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ” มร. จิมมี่ ลี คอง เอง ประธานประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก จูเลียส แบร์ กล่าวเสริม

นายอาทิตย์กล่าวสรุปว่า “การเตรียมจัดตั้งบริษัทร่วมทุนนี้เป็นอีกก้าวที่สำคัญที่ธนาคารจะช่วยให้ลูกค้าคนพิเศษของเราได้รับสิ่งที่ดีที่สุดจากโอกาสในการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ความสำเร็จของลูกค้าคือความสำเร็จของธนาคาร ช่วยตอกย้ำความเป็นผู้นำรวมถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์ธนาคารไทยพาณิชย์ และช่วยขับเคลื่อนธนาคารของเราให้ก้าวสู่ความสำเร็จในยุคธุรกิจไร้พรมแดนตามกลยุทธ์ Going Upside Down (กลับหัวตีลังกา) อีกทั้งยังช่วยผลักดันการเติบโตและสร้างปรากฎการณ์ครั้งใหม่ให้กับธนาคารไทยพาณิชย์ ให้สามารถเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) ของธุรกิจไพรเวทแบงกิ้งของเราเป็น 2 เท่า ภายใน 3 - 5 ปีตามที่วางแผนไว้”

* อ้างอิงจากผลสำรวจและการประมาณการที่ระบุใน BCG Wealth Report 2017
** อ้างอิงจากผลสำรวจและการประมาณการที่ระบุใน Asia-Pacific Wealth Report 2017 โดย Capgemini’s Financial Services

Latest News